เฉกเช่นโครงการ
H-CAPE RESIDENCE @ SIAMPARK ที่ Forfur พามาแนะนำในวันนี้ ที่ซึ่งได้รวบรวมทุกความต้องการของชีวิตคนเมืองไว้อย่างครบครัน ด้วยการออกแบบเพื่อความสะดวกสบายผสมผสานความทันสมัยให้อยู่รวมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน พร้อมสังคมส่วนตัว เพียง 24 ยูนิต มีดีไซน์ที่หรูหราทันสมัยและเลือกใช้วัสดุนำเข้าเกรดพรีเมี่ยม บนทำเลเชื่อมต่อเส้นทางที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นแหล่งช้อปปิ้งอย่าง แฟชั่นไอส์แลนด์, Promenade หรือสถานศึกษาอย่างโรงเรียนเลิศหล้า ,มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมไปถึงโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี หรือสวนสนุกชื่อดังอย่างสวนสยาม เรียกได้ว่าเป็นที่สุดแห่งความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของทุกครอบครัว
มากไปกว่านั้นยังพร้อมด้วยจุดเด่นด้านความปลอดภัยเพื่อความเป็นส่วนตัวอย่างดีเยี่ยมถึง 4 ระดับด้วยกัน ได้แก่ 1. ระบบตรวจจับสิ่งแปลกปลอม Infrared Alarm System เสาสัญญาณอินฟาร์เรดรอบรั้วโครงการ คอยตรวจจับสิ่งแปลกปลอม พร้อมระบบส่งสัญญาณเตือนไปยังเจ้าของบ้านและศูนย์รักษาความปลอดภัยประจำโครงการ เพิ่มความอุ่นใจให้กับทุกคนในครอบครัว 2. ระบบประตูอัตโนมัติ Auto Gate Barrier เสริมสร้างความปลอดภัยด้วยการติดตั้ง Auto Tag Sensor ให้กับรถของบ้านทุกหลัง คล้ายกับระบบอีซี่พาสของทางด่วน เป็นความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับความปลอดภัยอีกด้วย 3. เครือข่าย Video Door Phone เชื่อมต่อโทรศัพท์ภายในบ้านกับประตูทางเข้าหน้าโครงการ เพื่อตรวจสอบใบหน้าของแขกผู้มาเยือนก่อนเข้าโครงการ อีกระดับของมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย 4. ทุกพื้นที่ภายในโครงการ ดูแลเป็นพิเศษด้วยระบบกล้อง CCTV พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ทำให้ทุกนาทีที่อยู่อาศัยที่นี่สามารถสร้างเวลาที่แสนพิเศษได้อย่างส่วนตัวจริงๆ ค่ะ
สำหรับการเดินทางมีอยู่สองเส้นทางหลักๆ ด้วยกัน คือเดินทางมาจากถนนเสรีไทย เข้าทางซ.เสรีไทย 73 ตรงไปตามเส้นทางก็จะพบโครงการอยู่ด้านขวามือ ส่วนอีกเส้นทางคือเดินทางจากเส้นเกษตร- นวมินทร์ ตัดเข้าเส้นถนนรามอินทราเข้าทางซ.สวนสยาม 24 ผ่านสน.บางชัน เข้าไปตามทางและเลี้ยวซ้ายก็จะพบโครงการอยู่ทางด้านซ้ายมือค่ะ ที่สำคัญยังมีอีกหนึ่งความสะดวกสบายคือสามารถออกจาก ซ.เสรีไทย 73 ไปสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างรวดเร็ว และอีกไม่นานจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูอีกด้วย ถือได้ว่าเดินทางได้หลากหลายเส้นทางมากทีเดียว
บรรยากาศด้านหน้ามีจุดเด่นด้วยความร่มรื่นและทัศนียภาพที่สวยงาม เนื่องจากภายในโครงการมีการใช้ Underground Cable หรือระบบไฟฟ้าใต้ดินที่เพิ่มความปลอดภัยสูงสุด ทำให้ไม่มีสายไฟฟ้ามากวนใจสำหรับอารมณ์สุนทรีย์ในการชมทิวทัศน์อย่างแน่นอน นอกจากนี้ถนนภายในโครงการยังใช้ Pave Asphalt พิมพ์ลาย ที่ช่วยลดความร้อนและแสงสะท้อนจากแดดรวมไปถึงลดความแข็งกระด้างของถนนเพื่อให้เกิดความนุ่มลื่นในการขับขี่อีกด้วย ถ้าพร้อมสัมผัสชีวิตที่หรูหราและทันสมัยแล้ว ตามไปดูในส่วนอื่นกันต่อเลยค่ะ
พื้นที่ส่วนกลางถูก
จัดสวนสวยให้มีบรรยากาศแสนร่มรื่นน่าผ่อนคลาย พร้อมห้องฟิตเนสออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต สำหรับโครงการนี้มี
แบบบ้านทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ Type B พื้นที่ใช้สอย 470 ตารางเมตร Type A พื้นที่ใช้สอย 400 ตารางเมตร และ Type C พื้นที่ใช้สอย 320 ตารางเมตร ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 19 ล้านบาท
(** ข้อมูลราคา ณ วันที่ 18 มีนาคม 2558)เริ่มกันที่
แบบบ้าน Type B ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นบ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น บนสุดถูกจัดเป็นสไตล์ Penthouse รวมทั้งหมด 8 ยูนิตด้วยกันค่ะ มีพื้นที่จอดรถ 2 คัน 3
ห้องนอน 4
ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 family room และ 1 multi purpose room พร้อมทุกระบบของโครงการแบบครบถ้วน ที่โดนเด่นมากๆ คือระบบ HOME AUTOMATION สำหรับปิด-เปิดระบบไฟฟ้าภายในบ้านได้อย่างอัตโนมัติผ่านรีโมทสั่งการอย่างโทรศัพท์มือถือนั่นเอง ทำให้สามารถเตรียมพื้นที่แห่งความสุขภายในบ้านไว้ล่วงหน้าก่อนจะเดินทางมาถึงได้ด้วย
มากไปกว่านั้นบ้านทุกหลังของโครงการยังมีสระสปาสำหรับผ่อนคลายอารมณ์ โดยใช้ระบบเกลือซึ่งดีต่อสุขภาพผิว อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแสนร่มรื่น เหมาะกับช่วงเวลาที่ต้องการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี
พื้นที่รอบบ้านถูกตกแต่งไว้ด้วยทางเดินในสวนและต้นไม้ร่มรื่น มีห้องพักของแม่บ้านพร้อม
ห้องน้ำแยกออกมาต่างหากด้วยค่ะ ตามเข้าไปชมตัวบ้านกันเลยค่ะ
เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะพบห้องรับแขกอยู่ด้านขวามือที่ถูกยกพื้นขึ้นเล็กน้อย ซึ่งถูกตกแต่งในสไตล์อบอุ่นและหรูหราแถมผ่อนคลายได้ด้วยการมองเห็นวิวสระสปาและสวนร่มรื่นภายนอก เหมาะกับช่วงเวลาพักผ่อนที่แสนสงบและพิเศษ
ส่วนด้านในเป็นพื้นที่สำหรับ
ห้องครัวและห้องรับประทานอาหารที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามหรูหรา สไตล์โมเดิร์นคลาสสิค ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีอ่อนที่ให้บรรยากาศอบอุ่นผ่อนคลาย เหมาะกับบรรยากาศพบปะระหว่างมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี
แบบบันไดบ้านเป็นไม้สักทองสีสวยงาม ความหนาขนาด 1 นิ้ว จะพาเราขึ้นไปยังชั้นต่อไปค่ะ
เมื่อขึ้นไปยังชั้นบนจะพบ
ห้องทำงานส่วนตัว สำหรับช่วงเวลาที่ต้องการความสงบ โดยเปิดโล่งด้วยผนังกระจกตัดแสงพร้อมวงกบหน้าต่าง Poly Master จากเยอรมนี ที่ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างเงียบสุดๆ ถือเป็นมุมที่เหมาะแก่การนั่งทำงานมากๆ ค่ะ
หรืออยากจะชิลล์เอ้าท์ระหว่างการทำงาน ก็เพียงเปิดประตูออกมาพบกับ
ระเบียงและที่นั่งบนพื้นหญ้า ดื่มด่ำบรรยากาศได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลย
ส่วนอีกฝั่งของตัวบ้านเป็น
ห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งไว้อย่างโมเดิร์นเก๋ไก๋ กับปูพื้นด้วยไม้ปาร์เก้ไม้สักแท้ เน้นความทันสมัยและผ่อนคลาย พร้อมด้วยชั้นวางของที่สวยงามและสะดวกแก่การใช้สอย
วิดีโอโฟนที่ไว้ใช้สำหรับตรวจสอบใบหน้าแขกที่มาเยี่ยมเยือน ทันสมัยและสะดวกสบายสุดๆ
ตัวบ้านชั้นสองจัดไว้สำหรับ 2
ห้องนอนด้วยกัน ห้องแรกถูกจัดแต่งไว้ด้วยสไตล์โมเดิร์นโทนสีเทาให้ความรู้สึกเงียบสงบ พื้นที่อีกด้านจัดไว้เป็นมุมทำงานพร้อมตู้ใส่ของและโต๊ะ ถือว่าเหมาะมากสำหรับผู้ที่ชอบทำงานใน
ห้องนอนเพราะรวมทุกความสะดวกไว้ครบเลยค่ะ
ส่วนด้านในเป็นพื้นที่ของห้องแต่งตัว และ
ห้องน้ำที่ใช้สุขภัณฑ์ Kohler อย่างดี มีตู้เก็บของและบานกระจกที่สะดวกต่อการหยิบจับสิ่งของ โดย
ห้องน้ำจะถูกแยกสัดส่วนของพื้นที่เปียกและพื้นที่แห้งไว้อย่างชัดเจนค่ะ
ถัดมาที่อีกหนึ่ง
ห้องนอนกันบ้าง ห้องนี้ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยหวานลงตัว พร้อมกับมุมแต่งตัวสุดเก๋ ที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายและด้วย
ห้องน้ำโปร่งสบายที่ถูกกั้นด้วยกระจกนิรภัยอย่างดี
มาถึงไฮไลท์ของบ้านกันบ้างค่ะกับชั้นบนสุด ที่ถูกตกแต่งไว้สไตล์ Penthouse คือเป็นห้องมาสเตอร์ส่วนตัวเต็มทั้งฟลอร์ โดยใช้พื้นที่ของทั้งชั้นรวมทุกความสะดวกสบายไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
ห้องนอนขนาดใหญ่ หรือมุมนั่งเล่นพักผ่อนที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
อีกฝั่งหนึ่งของชั้นเป็นพื้นที่ของ
ห้องน้ำ ที่มีอ่างอาบน้ำจากุซซี่ขนาดพอดีถูกตั้งไว้พร้อมผนังกระจกรอบด้านให้แสงสว่างจากธรรมชาติ ไม่เพียงเท่านั้นด้านบนก็เป็นหลังคาสกายไลท์ที่เปิดโล่งเช่นเดียวกัน สร้างประสบการณ์พิเศษในการอาบน้ำใต้แสงจันทร์และแสงดาว ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นพื้นที่สำหรับอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์
อีกสิ่งที่สำคัญและโดดเด่นมากๆ คือ ระบบไฟของบ้านที่สามารถควบคุมได้ รวมไปถึงระบบประปาที่บอกเปอร์เซ็นต์ของน้ำเพื่อคำนวนว่าสามารถใช้ได้อีกแค่ไหนด้วย พร้อมกับโครงสร้างบ้านที่มี Earthquake Stiffness Enhancement Frame (ESEF) ซึ่งเป็นการปรับความแข็งแรงเพื่อให้สามารถต้านแผ่นดินไหวได้มากถึง 5.0 ริกเตอร์ ด้วย ถือว่าเป็น Intelligent Homeและมีระบบความปลอดภัยได้อย่างดีที่สุดเลยค่ะ
มาชมบรรยากาศของ
แบบบ้าน Type A กันบ้าง ด้วยพื้นที่ใช้สอย 400 ตารางเมตร 3
ห้องนอน 4
ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก และ 1 family room มีทั้งหมด 2 หลังด้วยกันค่ะ
เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะพบกับ
ห้องนั่งเล่นที่จัดวางไว้ด้านหน้าสุด ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นโทนสีเข้ม โครงเหล็กสีดำด้านหลัง คืองานดีไซน์ของโครงสร้างกันแผ่นดินไหวที่ตั้งใจทำขึ้นเพื่อโชว์ให้เห็นโดยเฉพาะค่ะ
ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่ของครัวที่ถูกตกแต่งไว้อย่างทันสมัยเก๋ไก๋ พร้อมบาร์เครื่องดื่มเล็กๆ เหมาะสำหรับงานปาร์ตี้ พร้อมห้องรับประทานอาหารสไตล์โมเดิร์นถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงาม มองเห็นวิวสระน้ำและน้ำตกเทียมด้านข้างให้บรรยากาศผ่อนคลาย
พื้นที่ว่างด้านข้างบันไดไม้สักทองย้อมสีไม้โอ๊คดำถูกดีไซน์ให้เป็น
ห้องน้ำสวยเก๋ ด้วยประตูไม้แบบเปิดสองข้าง และห้องเก็บของอีกหนึ่งห้อง
ขึ้นมาที่ชั้นสองจะพบมุมของ
ห้องนั่งเล่นและมุมพักผ่อนที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
ตัวบ้านมีพื้นที่เชื่อมต่อกับ
ระเบียงทำให้สามารถออกไปที่
ระเบียงอย่างสะดวกสบาย เป็นมุมพักผ่อนที่ร่มรื่นและสามารถมองลงไปจะเห็นสระสปาได้อย่างชัดเจน
มาที่ส่วนของ
ห้องนอนบ้างค่ะ ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามมีตู้เก็บเสื้อผ้าที่เป็นระเบียบ และมี
ห้องน้ำที่มีส่วนเปียกและส่วนแห้งแยกไว้อย่างชัดเจนโดยปิดด้วย
ประตูบานเลื่อนเมื่อเข้ามาด้านในจะพบห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นใช้กระเบื้องลายหินอ่อนเก๋ไก๋ โซฟาสีอ่อนตัดกับห้องโทนสีเข้มได้อย่างลงตัว
เพราะความสุขแบบส่วนตัว คือช่วงเวลาแสนพิเศษที่ทำให้ชีวิตออกแบบได้ตามใจต้องการ มาเปลี่ยนชีวิตให้สมบูรณ์แบบ พร้อมสัมผัสความหรูหราและทันสมัย กับ H-CAPE RESIDENCE @ SIAMPARK แล้วคุณจะรู้ว่า “ชีวิต ...ออกแบบได้”