เดิมทีบ้านขนมปังขิงหลังนี้เกิดขึ้นจาก อำแดงหน่าย (สกุลเดิมคือ สกุลพราหมณ์) ซึ่งเป็นภรรยาของขุนประเสริฐทะเบียน (ชื่อเล่น ขัน) ได้ซื้อที่ดินขนาด 47 ตารางวา จากหลวงบุรีพิทักษ์ จากนั้นขุนประเสริฐทะเบียนจึงได้สร้างบ้านไม้หลังนี้ขึ้นบนที่ดินเปล่าผืนนี้สำหรับเป็นที่พักอาศัยของครอบครัวใหญ่ โดยตัวบ้านมีลักษณะเป็น
แบบบ้านทรง 'ขนมปังขิง' หรือที่เรียกว่า ‘Ginger Bread House’ ตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกที่ได้รับอิทธิพลในช่วงสมัยของรัชกาลที่ 4 จึงปรากฏเป็นบ้านไม้เรือนไทยสไตล์ฝรั่งที่งดงามไปด้วยการตกแต่งจากลวดลายไม้ฉลุเหนือประตูและช่องลมที่มีความละเมียดละไม คล้ายกับบ้านขนมปังขิงของชาวยุโรปที่นิยมทำบ้านขนมปังในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยบริเวณเหนือซุ้มประตูและช่องลมโดดเด่นด้วยงานแกะสลักไม้รูปวงกลมเป็นตัวอักษรว่า 'ขัน' ซึ่งเป็นชื่อเล่นของขุนประเสริฐทะเบียน ภายใต้ลวดลายอันวิจิตรงดงามจากช่างฝีมือดีที่สอดผสานลายเส้นไว้ได้อย่างลงตัวบนแผ่นไม้ลายฉลุอันทรงคุณค่า
จากบ้านหลังเก่าอันทรงคุณค่าที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์แห่งกาลเวลา ซึ่งได้รับการสืบทอดความเป็นเจ้าของจากรุ่นสู่รุ่นและได้รับการบูรณะเรื่อยมา เพื่ออนุรักษ์บ้านหลังนี้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา โดยเริ่มต้นบูรณะบ้านครั้งใหญ่ที่ทรุดโทรมในปี พ.ศ. 2533 ด้วยการยกพื้นให้สูงขึ้น 30 เซนติเมตร เพื่อช่วยระบายความชื้น และรักษาเนื้อไม้โดยการทำสีและซ่อมแซมส่วนที่แตกหักในจุดต่างๆ พร้อมติดป้ายชื่อ ‘บ้านขนมปังขิง’ ซึ่งได้รับการเขียนและแกะสลักขึ้นเองกับมือโดย คุณหมอสิทธิ์ สามีของท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ทันตแพทย์ประจำพระองค์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นทายาทของท่านผู้หญิงเนื่องสนิท บุตรีคนที่สองของขุนประเสริฐทะเบียน ไว้บริเวณเหนือซุ้มประตูรั้วอย่างงดงาม ก่อนที่จะถูกส่งต่อความเป็นเจ้าของให้กับ คุณธนัชพร คุณารัตนอังกูร ซึ่งเป็นทายาทรุ่น 4 ของบ้านหลังนี้ จึงได้มีการบูรณะบ้านขึ้นใหม่อีกครั้ง
โดยคุณวิรัตน์ สามีของคุณธนัชพร เกิดความคิดในการบูรณะบ้านขนมปังขิงหลังนี้ขึ้นอีกครั้ง เพื่อเป็นร้านกาแฟกึ่งบรรยากาศของพิพิธภัณฑ์ที่พร้อมเปิดรับผู้มาเยือนให้มีโอกาสสัมผัสความงดงามของงานสถาปัตยกรรมเรือนไม้อายุกว่าร้อยปีหลังนี้ได้อย่างใกล้ชิด ภายใต้การดูแลและรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มภายในร้านจากหลานชายที่มีความหลงใหลในเสน่ห์ของกาแฟ
ด้วยเสน่ห์แห่งความเก่าที่แฝงไว้ด้วยความงามอันทรงคุณค่าทางกาลเวลา การปรับปรุงบ้านครั้งใหม่จึงเน้นคงร่องรอยความดั้งเดิมของตัววัสดุที่เก่าแก่ไปตามกาลเวลาไว้ให้มากที่สุด โดยไม่มีการทาสีหรือขัดไม้เพื่อทำให้อยู่ในสภาพใหม่ ตลอดจนถึงบานประตู หน้าต่าง บานกระทุ้ง ผนัง ช่องลม และลายฉลุก็ยังคงเป็นของเดิมที่อยู่คู่กับตัวบ้านมาเนิ่นนาน โดยเลือกรีโนเวทเฉพาะการยกฝ้าเพดานให้สูงขึ้น เพื่อสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้โปร่งสบาย พร้อมติดตั้งประตูกระจกใสบริเวณชั้นล่าง และปูพื้นกระเบื้องนอกบ้าน สำหรับจัดวางพื้นที่ในบริเวณด้านนอกเป็นมุมนั่งเล่นโซนเอาท์ดอร์
สำหรับการ
ตกแต่งภายในบ้านประะดับประดาไปด้วยความงดงามจากเครื่องเรือนเก่าดีไซน์คลาสสิกและของ
ตกแต่งบ้านชิ้นเดิมที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลา พร้อมด้วยรูปถ่ายภายในครอบครัวที่ประดับอยู่บนผนังของบ้านมาแต่เดิม
ถัดจากมุมบันไดไม้ของบ้านที่โดดเด่นด้วยความสวยงามตามแบบฉบับเรือนไทยในอดีต ที่มาพร้อมลูกกรงไม้และฉากกั้นไม้ลายฉลุสำหรับกันตกบริเวณบันได ซึ่งสามารถเชื่อมต่อสู่พื้นที่บริเวณชั้นสองของบ้าน โดยจะพบกับชานเรือนสำหรับนั่งเล่นที่ในอดีตเคยถูกเรียกขานว่า ลานสกา เนื่องจากขุนประเสริฐทะเบียนมักจะล้อมวงเล่นสกากับกลุ่มเพื่อนบริเวณชานนี้ แต่ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่นั่งเล่นรับลมธรรมชาติ ซึ่งพร้อมต้อนรับผู้มาเยือนคาเฟ่แห่งบ้านขนมปังขิงทุกเวลา
ภายในห้องหับบริเวณชั้นบนของบ้านได้รับการจัดสรรเป็นพื้นที่ใช้สอยแต่ละห้องอย่างเป็นสัดส่วน โดยมีการจัดนำเครื่องเรือนสำหรับรับแขกทั้งเฟอร์นิเจอร์เก่าและใหม่มาวางเพื่อรองรับผู้มาเยือนหลากหลายมุม โดยยังคงหลงเหลือร่องรอยจากการยกฝ้าเพดานไว้เช่นเดิม เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างจากการปรับปรุงบ้านใหม่ ซึ่งยังคงสะท้อนกาลเวลาในอดีตที่น่าจดจำได้เป็นอย่างดี
ไม่เพียงบรรยากาศในตอนกลางวันที่สามารถผ่อนคลายไปกับสถาปัตยกรรมอันงดงามของเรือนไทยสไตล์ฝรั่ง แต่ยังสามารถดื่มด่ำความงามท่ามกลางร่องรอยแห่งกาลเวลาได้อย่างต่อเนื่องจนถึงยามค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นโซนนั่งเล่นเอาท์ดอร์ใต้ต้นมะม่วง มุมสุดคลาสสิกภายในบ้านบริเวณชั้นล่าง พื้นที่ริมชานเรือนบริเวณชั้นสองที่มาพร้อมบานกระทุ้งเปิดรับวิวลม หรือจะเป็นโซนนั่งพักผ่อนแบบส่วนตัวภายในห้องที่จัดวางไว้อย่างผ่อนคลาย ก็พร้อมมอบช่วงเวลาสุดพิเศษที่ชวนประทับใจราวกับได้ย้อนคืนวันไปสู่อดีตอันงดงาม
ในส่วนของเมนูเบเกอร์รี่ก็มีให้เลือกทั้งแบบสมัยใหม่และขนมไทยในอดีต ซึ่งมีทั้งขนมแบบไทยแท้ และขนมไทยที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นใหม่อย่างไม่ซ้ำใคร เช่นเดียวกับ ไอศกรีมใบเตยบัวลอยท็อปหน้าฝอยทอง ที่พร้อมเสิร์ฟมาในผอบแก้วโบราณ และจัดแยกน้ำกะทิมาในโหลแก้วอันสวยงาม ซึ่งถูกจัดวางอย่างหรูหราบนพานทองแบบดั้งเดิมอีกชั้นอย่างประณีตบรรจง
หากอยากดื่มด่ำบรรยากาศนอดีตพร้อมกับกาแฟแก้วโปรด ที่บ้านขนมปังขิงก็มีเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง ไอซ์ซิกเนเจอร์คอฟฟี่ ที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นในรูปแบบกาแฟสามชั้น โดยชั้นล่างสุดของแก้วเป็นไซรัป ถัดมาเป็นนม พร้อมเติมด้วยกาแฟรสเข้มข้นที่ถูกใจคอกาแฟ
แม้บ้านขนมปังขิงจะเปิดตัวเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนได้ไม่นาน แต่ร่องรอยในอดีตแห่งกาลเวลาที่สะท้อนผ่านงานสถาปัตยกรรมอันงดงาม ท่ามกลางความรื่นรมย์ของธรรมชาติที่โอบล้อมบ้านหลังนี้มาเนิ่นนาน เพียงแค่ย่างก้าวก็พร้อมนำคุณกลับสู่กาลเวลาในอดีตได้อย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมสัมผัสเสน่ห์แห่งความงามของคาเฟ่บ้านขนมปังขิงในย่านเสาชิงช้าได้ที่
บ้านขนมปังขิง เลขที่ 47 ซอยหลังโบสถ์พราหมณ์ เสาชิงช้า พระนคร เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. โทร. 09-7229-7021