โรงแรมที่เราจะพาไปวันนี้มีชื่อว่า บัดดี้ โอเรียนทอล ริเวอร์ไซด์ ตั้งอยู่ที่ อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรีนี่เองค่ะ ด้วยบรรยากาศร่มรื่นและการออกแบบตกแต่งที่คลาสสิกผสมผสานกับความร่วมสมัยทำให้ทุกมุมของโรงแรมมีความสวยงามลงตัวแบบสุดๆ จากความต้องการให้โรงแรมเป็นแบบไทยๆสไตล์โคโลเนียลในยุคสมัยของรัชกาลที่ 5 จึงมีความปราณีตในทุกรายละเอียดของงานสถาปัตยกรรมเพื่อให้เหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในโลกและยุคสมัยนั้นจริงๆ แค่ภายนอกก็โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์แบบนี้แล้ว เราไปชมส่วนอื่นๆกันต่อเลยดีกว่า...
สำหรับที่นี่จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครันรองรับทุกความต้องการเลยค่ะ ไม่ว่าจะฟิตเนส สปา สระว่ายน้ำและสนามกีฬารวมไปถึงห้องจัดเลี้ยงและห้องประชุมแบบต่างๆที่สามารถจัดงานสัมนาได้อย่างสะดวกสบายแถมยังได้พักผ่อนภายใต้บรรยากาศสุดหรู เดินชมบรรยากาศรอบๆกันไปแล้ว เราไปที่ล็อบบี้บ้างดีกว่า
การ
ตกแต่งภายในของที่นี่เนื่องจากเป็นสไตล์โคโลเนียลแบบไทยร่วมสมัยที่ให้บรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลายราวกับอยู่ในยุคสมัยของรัชกาลที่ 5 จึงมักใช้โทนสีที่สบายตาอย่างสีครีม สีขาว ผสมผสานกับงานไม้ทั้งในส่วนของผนังและเฟอร์นิเจอร์ เมื่อเข้ามาที่ล็อบบี้จะพบกับพนักงานคอยต้อนรับและให้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ พร้อมกับพื้นที่ให้นั่งชิลล์ผ่อนคลายสำหรับแขกผู้มาเยือนได้รับเวลคัมดริ้งให้ชื่นฉ่ำหลังการเดินทางมาเหนื่อยๆ
นอกจากความงามของการ
ตกแต่งภายในที่ดูเป็นสไตล์ไทยร่วมสมัยแล้ว ของตกแต่งอื่นๆก็แสดงถึงความเป็นไทยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปแบบต่างๆที่จัดโชว์ไว้อย่างสวยงามในตู้กระจกบานใหญ่ หรือจิตรกรรมปูนปั้นลวดลายแบบไทยๆก็สวยงามทรงคุณค่า เป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้พบเห็นโดยเฉพาะชาวต่างชาติที่นิยมมากพักผ่อนกันไม่แพ้ชาวไทย
ไม่เพียงเท่านี้ทางโรงแรมยังส่งเสริมพุทธศาสนาโดยการจัดให้มีห้องธรรมวารีที่สวยงามตระการตาจากงานไม้ขัดเป็นมันสูงจรดเพดาน พร้อมสระน้ำเล็กๆภายในให้ความรู้สึกสงบเย็น เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบสวดมนต์ไว้พระให้จิตใจสงบสุขแถมยังได้ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศที่สวยงามร่มเย็นอีกด้วย
ถัดจากห้องธรรมวารีจะเป็นร้านอาหารอิตาเลียนภายในโรงแรมค่ะซึ่งจะให้บริการอาหารมากมายหลากหลายสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ ก่อนจะเข้าสู่ห้องสปาของโรงแรมที่มาพร้อมบรรยากาศผ่อนคลายในทุกสัมผัส ไหนใครเริ่มเมื่อยๆแล้วบ้าง?? ไปพักนวดสปาให้สบายตัวกันสักหน่อยดีกว่าเนอะ
ภายในสปาเน้นการ
ตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นลักษณ์ไม้เนื้อแข็งขัดมันอย่างสวยงามเช่นเดียวกันค่ะ ให้บรรยากาศผ่อนคลายเป็นกันเองและดูอบอุ่นเป็นธรรมชาติ
เมื่อเข้ามาจะพบกับบาร์ต้อนรับของพนักงานที่สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการทำสปาและการนวดแบบต่างๆ ก่อนจะไปที่ห้องนวดซึ่งตกแต่งเป็นสไตล์ไทยๆพร้อมเตียงเดี่ยวและกั้นห้องอย่างเป็นสัดส่วน ทำให้สามารถผ่อนคลายได้อย่างเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ นวดกันจนเคลิ้มแล้วคงถึงเวลาต้องไปพักผ่อนกันสักหน่อย ห้องพักที่นี่จะมีหลากหลายแบบมากเลยค่ะทั้งแบบ Deluxe Room , Executive Suite , Pool Villa แบบ 1
ห้องนอน 2
ห้องนอน และ 3
ห้องนอน วันนี้ Forfur จะพาไปพักผ่อนที่ Deluxe Room และ Pool Villa แบบ 1
ห้องนอนกัน ลุย!!!
มากันที่ห้องแรกก่อนเลยค่ะกับ Pool Villa แบบ 1
ห้องนอน เพียงแค่ทางเดินก็ให้บรรยากาศร่มรื่นน่าพักผ่อนแบบสุดๆแล้ว ข้างในจะขนาดไหนเข้าไปพร้อมๆกันเลย...
การ
ตกแต่งภายในห้องพักยังคงคอนเซ็ปต์โดยการคุมโทนให้ดูสวยงามและอบอุ่นเช่นเคย มีการเลือกใช้สีขาวและครีมที่นุ่มนวลสบายตา
ห้องนั่งเล่นพักผ่อนสบายๆพร้อมประตู
ระเบียงที่เปิดเชื่อมกับสระว่ายน้ำแบบส่วนตัวในห้องพัก
เมื่อเปิดประตูออกมาจะพบกับสระว่ายน้ำขนาดกลางที่ทอดยาว เหมาะสำหรับการเล่นน้ำสุดฟินแบบส่วนตัวจริงๆหรือจะนั่งชมวิวทิวทัศน์เพลินๆเอาเท้าจุ่มน้ำให้ชื่นฉ่ำหัวใจก็ไม่เลว......
ภายใน
ห้องนอนมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ทั้ง โทรทัศน์ ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ระหว่างทางเดินไป
ห้องน้ำ เตียงขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงามเสมือนได้พักผ่อนในวิมารแสนวิเศษ สิ่งที่มีความเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือมักจะใช้ภาพวาดและศิลปะแบบไทยๆเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการ
ตกแต่งภายในอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นล็อบบี้
ห้องนอนไปจนถึงทางเดินมุมต่างๆ ที่อื่นอาจจะพับผ้าเช็ดตัวเป็นรูปดอกไม้ หงส์ แต่ที่นี่มีช้างให้แบบไม่ต้องไปตามหากันให้เหนื่อย อ้าวช้างอยู่นี่เอง~
ในส่วนของ
ห้องน้ำมีความโดดเด่นสวยงามตั้งแต่ประตูทางเข้าเลยค่ะ โดยมีการใช้ประตูไม้และลูกบิดสีทองทำให้รู้สึกถึงความเป็นไทยในสมัยเก่าที่เรียบง่ายและสวยงาม สำหรับห้อง Pool Villa จะมีอ่างอาบน้ำเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากห้องอาบน้ำแบบฝักบัวและยังคงมีอุปกรณ์ต่างๆสำหรับอาบน้ำแบบครบครัน ทั้งสบู่ แชมพู ไดร์เป่าผม
ต่อไปเราลองไปดูในส่วนของห้อง Deluxe Room กันบ้างดีกว่า ขอบอกเลยว่าห้องนี้มีวิวที่เด็ดไม่แพ้กันเลยเพราะสามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบเต็มๆ รับบรรยากาศสุดฟินในวันพักผ่อนกันอย่างเต็มอิ่มเลยทีเดียว เพื่อให้เห็นแบบชัดเจนเราจะพาขึ้นไปดูที่ชั้นบนค่ะ ซึ่งตึกนี้จะมีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน อย่างที่บอกว่าตลอดทางเรามักจะพบเห็นภาพวาดและศิลปะแบบไทยๆ
ตกแต่งภายในอยู่ทุกมุม ดูสวยงามลงตัวมากจริงๆ
แวะชมวิวที่ทางเดินสักแปป.....ที่นี่จะมีสระว่ายน้ำถึง 2 สระด้วยกันค่ะคือสระขนาดใหญ่สระนี้ และสระขนาดกลางอยู่บริเวณชั้นสอง
มาถึงห้อง Deluxe Room กันแล้ว สไตล์การ
ตกแต่งภายในห้องก็ยังคงเน้นรูปแบบที่เป็นไทยร่วมสมัยเช่นเดิมแต่เพิ่มเติมวิวแม่น้ำเข้ามา พร้อมทั้งมีมุมสำหรับทำงานหรืออ่านหนังสือชิลล์ๆภายในห้องอีกด้วย
ระหว่างทางเดินไป
ห้องน้ำจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอย่างตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า และชุดคลุมอาบน้ำครบครัน ภายใน
ห้องน้ำตกแต่งอย่างสวยงามสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัยกั้นพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งแบบชัดเจนด้วยโซนอาบน้ำฉากกั้นกระจกนิรภัย
ผ่อนคลายด้วยการออกไปชมวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาที่
ระเบียงพร้อมมองเห็นสระว่ายน้ำขนาดกลางของโรงแรมไปอีกกกกก ฟินกว่านี้ไม่มีแล้ว~ ถ้ามองเห็นตรงนี้ยังไม่ชัดเราไปชมใกล้ๆกันดีกว่า...
โซนสระว่ายน้ำที่ชั้นสองของโรงแรมเป็นสระว่ายน้ำแบบกลางแจ้งที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างเพลิดเพลินค่ะ ไม่เพียงเท่านี้ยังมีส่วนของ ป้อมสิริเจ้าพระยา ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการจำลองการออกแบบมาจากป้อมพระสุเมรุ ถือว่าเป็นสถานที่สุดฮิตที่แชะภาพกันได้แบบจุใจ แถมยังให้ความรู้สึกและความสวยงามที่ทรงคุณค่าอีกด้วย
จะนอนแช่น้ำมองท้องฟ้าแสนสดใสก็ผ่อนคลายสบายตัว หรืออยากนอนอาบแดดชิลล์ๆก็ไม่มีปัญหา หากใครที่มาเที่ยวกันเป็นครอบครัว โซนนี้ก็เหมือนสวรรค์สำหรับเด็กๆเลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้ดูป้อมสิริเจ้าพระยากันอย่างสนุกสนานได้ความรู้แล้ว ยังสามารถเล่นน้ำได้อีกด้วย หรือจะชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาชิลล์ๆก็ไม่ว่ากัน เดินชมกันทั้งโรงแรมขนาดนี้แล้ว ท้องเริ่มหิวกันบ้างรึยังเอ่ย?? ที่นี่ยังมีร้านอาหารขนาดใหญ่อีกหนึ่งร้านด้วย
ร้านนี้มีชื่อว่าร้าน "สองฝั่งคลอง" แค่บรรยากาศภายนอกก็งดงามร่มรื่นแบบสุดๆแล้ว สามารถพักผ่อนหย่อนใจชมปลาคราฟในบ่อก่อนรับประทานอาหารมื้อพิเศษได้เพลินๆ
หรือจะนั่งชิลล์กับบรรยากาศริมน้ำแบบนี้ก็ไม่เลวค่ะ สำหรับมุมนี้หากใครเคยดูละครยอดฮิตอย่าง "แรงเงา" แล้วล่ะก็ จะต้องคุ้นเคยกับมุมนี้แน่นอน เพราะเป็นสถานที่ในฉากของกระทรวงที่ ผอ.และมุตตาทำงานอยู่นั่นเอง นอกจากจะสวยงามโดนใจแล้ว ยังมีอะไรเด็ดๆเพียบแบบนี้ครบครันจริงๆ
บรรยากาศการ
ตกแต่งภายในของร้านสองฝั่งคลองโซนห้องแอร์ดูสวยงามและหรูหราไม่แพ้ส่วนอื่นๆเลยค่ะ ที่นี่จะมีอาหารหลากหลายมาพร้อมบรรยากาศโอ่โถงย้อนยุคราวกับอยู่ในวังสมัยก่อน มีการใช้สีเขียวสร้างความสดชื่นสบายตาตัดกับความขาวของผนังและชุดเก้าอี้ไม่ให้ดูเรียบจนเกินไปนัก ในส่วนของผนังก็มีการใช้ชั้นวางของช่วยตกแต่งอีกทางหนึ่งซึ่งจะเต็มไปด้วยของสะสมมากมายและภาพถ่ายต่างๆช่วยเสริมสร้างบรรยากาศให้งดงามมากยิ่งขึ้น
หากทานอาหารอย่างอิ่มหนำสำราญแล้วอยากจะเดินเล่นถ่ายรูปเพลินๆ ทางโรมแรมก็ยังจัดพื้นที่มุมทางเดินให้เป็นสถานที่ถ่ายภาพไว้ด้วย ซึ่งก็ยังคงเป็นสไตล์ย้อนยุคเช่นเคย หรูหราและดูเหมือนหลุดไปอยู่ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 จริงๆ
สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนเช็คอินแบบชิคๆใกล้กรุงที่มาพร้อมการตกแต่งสวยงามตามท้องเรื่อง แถมยังมาพร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาบรรยากาศสุดฟินแล้วล่ะก็ Forfur บอกเลยว่าที่นี่เป็นอีกสถานที่น่าสนใจมากทีเดียวกับ
บัดดี้ โอเรียนทอล ริเวอร์ไซด์ 17/56 หมู่ 7 ซอย สุขาประชาสรรค์ 2 (ซอย 25) สุขาประชาสรรค์ 2 บางพูด ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 โทร 02-584-2222 เว็บไซต์
https://www.buddyriverside.com/ มีครบทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สปา เติมเต็มความฟินกับช่วงเวลาพักผ่อนในวันหยุดแสนพิเศษให้เต็มอิ่มไปเลยยย
forfur.com คือเว็บข้อมูลการออกแบบตกแต่งบ้าน เราไม่ได้รับงานสร้าง ออกแบบบ้านหรือจำหน่ายสินค้า